![]() |
มะขามป้อม |
ชื่อทั่วไป
:
มะขามป้อม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์
: Emblica offcinalis
Gaertn.
ชื่อสามัญ : Aonla, Indian gooseberry, Emblic myrablan, Malacca tree
วงศ์ : Euphorbiaceae
สกุล : Phyllanthus
ชื่อท้องถิ่น : มะขามป้อม (ทุกภาค)
หมากขามป้อม
(อีสาน)
กันโตด (เขมร – จันทบุรี)
กาทวด (ราชบุรี) มั่งลู่
สันยาส่า (กะเหรี่ยง –
แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และเป็นไม้ชนิดผลัดใบ
ลำต้นสูงประมาณ 8
– 18 เมตร ลำต้นแตกกิ่งน้อยทำให้มีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง มีลำต้น
และกิ่งพุ่งตรง สูงชะลูด ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอมเทาเล็กน้อย
ผิวลำต้นค่อนข้างเรียบ และสามารถลอกออกเป็นแผ่นได้ ส่วนเนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว
เนื้อไม้มีสีแดงอมน้ำตาล
ใบ ใบมะขามป้อม เป็นใบประกอบแบบใบคู่ คือ ใบสุดท้ายเป็นใบคู่
คล้ายกับใบมะขาม แต่ใบมะขามป้อมมีจำนวนใบย่อยมากกว่า และใบย่อยเรียวยาวกว่า
โดยใบมะขามป้อมจะแทงออกตามกิ่งเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีก้านใบหลัก ยาว 10-20
เซนติเมตร และมีใบย่อยเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ จำนวน 20-30 คู่ ยอดอ่อนมีสีแดงอ่อน เมื่อแก่มีสีเขียวสดใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียวรี
ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 15-20 มิลลิเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ปลายใบมน ใบมีสีเขียวสด
โดยใบมะขามป้อมจะเริ่มร่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม
และจะผลิยอดอ่อนใหม่ในช่วงเดือนมีนาคม
ดอก ดอกมะขามป้อมแทงออกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกตามก้านใบหรือซอกใบ
3 – 10 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก มีสีขาวอมเหลือง
เป็นดอกเพศผู้ และเพศเมียแยกดอกกัน แต่อยู่บนต้นเดียวกัน
และแต่ละต้นจะมีดอกเพศผู้มากกว่าดอกเพศเมีย จึงพบว่า
แม้จะมีดอกมากแต่บางครั้งอาจไม่ติดผลมาก ดอกทั้งสองเพศมีกลีบรองดอก 6 กลีบ โดยดอกเพศผู้มีฐานรองดอกเป็น 6 แฉก และมีเกสร 3
อัน ส่วนดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย และมีรังไข่ 3 ช่อง
ผล และเมล็ด ผลมะขามป้อมมีลักษณะทรงกลมหรือกลมแบนเล็กน้อย
มีสีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน และเมื่อสุกมากจะมีสีสีเขียวอมเหลือง ขนาดผลประมาณ 2-3
เซนติเมตร มีเปลือกผล และเนื้อผลเป็นส่วนเดียวกัน โดยมีเนื้อผลหนา 5-7
มิลลิเมตร สีขาวอมเหลือง และมีเส้นใยเล็กน้อยที่แทงออกมาจากเมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดส่วนนี้
เป็นส่วนที่ใช้รับประทาน มีลักษณะแข็งกรอบ และฉ่ำน้ำ
เนื้อให้รสเปรี้ยวอมฝาดเล็กน้อย ถัดมาในสุด เป็นเมล็ดที่ลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ
มีฐานเมล็ดใหญ่ และค่อยเรียวในส่วนปลาย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร
ยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดมีสีเขียวเข้ม
มีเนื้อแข็ง และหนามาก แบ่งเป็น 2 ชั้น แบ่งมี 3 พู แต่ละพูมี 2 เมล็ด รวมหนึ่งผลแล้วมี 6 เมล็ด
ประโยชน์มะขามป้อม
1. มะขามป้อมนำมารับประทานสด ให้รสเปรี้ยวอมฝาด
และรสจัดมาก จึงต้องจิ้มเกลือจึงจะดี
2. ผลมะขามป้อมนำมาแปรูปเป็นมะขามป้อมดองและมะขามป้อมแช่อิ่ม
เป็นต้น
3. ผล
และใบใช้ผสมในตำรับยาสมุนไพรหรือรับประทานเพื่อประโยชน์ในด้านสมุนไพร
4. ลำต้นขนาดเล็ด และกิ่งนำมาทำโครงดักจับปลา เช่น
สวิง เพราะเนื้อไม้เหนียว สามารถโค้งงอได้
5. เปลือก และใบ ใช้ต้มย้อมผ้า ให้สีน้ำตาลแกมเหลือง
และหากผสมเกลือจะให้สีน้ำตาลอมดำ และหากย้อมเสื่อด้วยเปลือกจะได้สีดำ
6. ลำต้น และกิ่งนำมาทำฟืน
7. ต้นมะขามป้อมตามป่าหรือตามหัวไร่ปลายนา
จัดเป็นอาหารสำหรับสัตว์ป่า
8. ชาวฮินดูนิยมใช้ใบมะขามป้อมสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
สาระสำคัญที่พบ
-
Ascorbic acid (วิตามินซี)
-
Gallic acid
-
Ellagic acid
-
Corilagin
-
Benzenoids
-
Furanoloatones
-
Diterpenes
-
Triterpenes
-
Flavonoids
-
Sterols
-
Carbohydrates
-
Emblicanins A และ B
-
Phyllaemblicin B
-
Pyrogallol
-
Pedunculagin
-
Punigluconin
-
Hhesperidin
-
Haringin
-
Quercetin
สรรพคุณมะขามป้อม
ใบ และผล
-
ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง
และรักษาโรคมะเร็ง
-
ลดการทำงานของผิวหนัง
ต้านการเสื่อมของเซลล์
-
ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ตับจากสารพิษ
และช่วยในการกำจัดสารพิษให้ออกทางปัสสาวะ
-
ช่วยป้องกันริ้วรอย
และทำให้ผิวขาว
-
กระตุ้นการสร้าง
และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
-
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
-
ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
ป้องกันการเป็นตะคริว ป้องกันโรคเหน็บชา
-
ช่วยทำให้ชุ่มคอ
แก้การกระหายน้ำ
-
ลดเสมหะ ลดอาการระคายคอ
-
แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
เมารถ เมาเรือ
-
รักษาโรคเบาหวานหรือลดอาการแทรกซ้อนจากเบาหวาน
-
ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
-
ลดอาการแสบของแผลในช่องปาก
ช่วยให้แผลหายเร็ว
-
ช่วยในการขับลม
แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
-
ช่วยรักษาอาการท้องเสีย
-
ช่วยขับปัสสาวะ
-
ช่วยบรรเทาอาการไข้
แก้ไอ
-
ช่วยขยายหลอดลม
รักษาอาการหอบหืด
-
รักษาแผลไฟไหม้
ด้วยการนำมาบดขยี้หรือตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย ก่อนนำมาประคบแผล
-
ช่วยลด
และรักษาฝ้าหรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้ โดยนำผลหรือใบมาตำผสมน้ำพอชุ่ม ก่อนทาบริเวณจุดด่างดำหรือรอยฝ้าเป็นประจำ
1-2 ครั้ง/วัน
-
นำน้ำคั้นจากใบหรือผลมาหยอดตา
ช่วยรักษาเยื่อตาอักเสบ และตาแดงได้
เมล็ด (นำมาต้มน้ำดื่ม)
-
รักษาอาการท้องเสีย
-
รักษาอาการท้องอืด
และอาการจุกเสียดแน่นท้อง
-
ช่วยขับปัสสาวะ
เปลือกลำต้น และแก่น
-
นำมาต้มดื่ม แก้อาการอาหารเป็นพิษ
-
น้ำต้ม
ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ด และช่วยขับปัสสาวะ
-
น้ำต้ม นำมาอาบ
ช่วยป้องกัน และรักษาโรคผิวหนัง
แหล่งที่พบ : หลังอาคาร 3 โรงเรียนบ้านเขวาสะดืออีสาน
ผู้บันทึกข้อมูล : รัตติยา ดวงแพงมาตร์