วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ต้นมะขามป้อม


  มะขามป้อม  


ชื่อทั่วไป : มะขามป้อม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Emblica offcinalis Gaertn.
ชื่อสามัญ : Aonla, Indian gooseberry, Emblic myrablan, Malacca tree
วงศ์ : Euphorbiaceae
สกุล : Phyllanthus
ชื่อท้องถิ่น : มะขามป้อม (ทุกภาค)
     หมากขามป้อม (อีสาน)
     กันโตด (เขมร จันทบุรี)
     กาทวด (ราชบุรี) มั่งลู่
     สันยาส่า (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และเป็นไม้ชนิดผลัดใบ ลำต้นสูงประมาณ  8 – 18 เมตร ลำต้นแตกกิ่งน้อยทำให้มีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง มีลำต้น และกิ่งพุ่งตรง สูงชะลูด ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอมเทาเล็กน้อย ผิวลำต้นค่อนข้างเรียบ และสามารถลอกออกเป็นแผ่นได้ ส่วนเนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว เนื้อไม้มีสีแดงอมน้ำตาล
ใบ ใบมะขามป้อม เป็นใบประกอบแบบใบคู่ คือ ใบสุดท้ายเป็นใบคู่ คล้ายกับใบมะขาม แต่ใบมะขามป้อมมีจำนวนใบย่อยมากกว่า และใบย่อยเรียวยาวกว่า โดยใบมะขามป้อมจะแทงออกตามกิ่งเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีก้านใบหลัก ยาว 10-20 เซนติเมตร และมีใบย่อยเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ จำนวน 20-30 คู่ ยอดอ่อนมีสีแดงอ่อน เมื่อแก่มีสีเขียวสดใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียวรี ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 15-20 มิลลิเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ปลายใบมน ใบมีสีเขียวสด โดยใบมะขามป้อมจะเริ่มร่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม และจะผลิยอดอ่อนใหม่ในช่วงเดือนมีนาคม
ดอก ดอกมะขามป้อมแทงออกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกตามก้านใบหรือซอกใบ 3 – 10 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก มีสีขาวอมเหลือง เป็นดอกเพศผู้ และเพศเมียแยกดอกกัน แต่อยู่บนต้นเดียวกัน และแต่ละต้นจะมีดอกเพศผู้มากกว่าดอกเพศเมีย จึงพบว่า แม้จะมีดอกมากแต่บางครั้งอาจไม่ติดผลมาก ดอกทั้งสองเพศมีกลีบรองดอก 6 กลีบ โดยดอกเพศผู้มีฐานรองดอกเป็น 6 แฉก และมีเกสร 3 อัน ส่วนดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย และมีรังไข่ 3 ช่อง
ผล และเมล็ด ผลมะขามป้อมมีลักษณะทรงกลมหรือกลมแบนเล็กน้อย มีสีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน และเมื่อสุกมากจะมีสีสีเขียวอมเหลือง ขนาดผลประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีเปลือกผล และเนื้อผลเป็นส่วนเดียวกัน โดยมีเนื้อผลหนา 5-7 มิลลิเมตร สีขาวอมเหลือง และมีเส้นใยเล็กน้อยที่แทงออกมาจากเมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดส่วนนี้ เป็นส่วนที่ใช้รับประทาน มีลักษณะแข็งกรอบ และฉ่ำน้ำ เนื้อให้รสเปรี้ยวอมฝาดเล็กน้อย ถัดมาในสุด เป็นเมล็ดที่ลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ มีฐานเมล็ดใหญ่ และค่อยเรียวในส่วนปลาย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดมีสีเขียวเข้ม มีเนื้อแข็ง และหนามาก แบ่งเป็น 2 ชั้น แบ่งมี 3 พู แต่ละพูมี 2 เมล็ด รวมหนึ่งผลแล้วมี 6 เมล็ด
ประโยชน์มะขามป้อม
1. มะขามป้อมนำมารับประทานสด ให้รสเปรี้ยวอมฝาด และรสจัดมาก จึงต้องจิ้มเกลือจึงจะดี
2. ผลมะขามป้อมนำมาแปรูปเป็นมะขามป้อมดองและมะขามป้อมแช่อิ่ม เป็นต้น
3. ผล และใบใช้ผสมในตำรับยาสมุนไพรหรือรับประทานเพื่อประโยชน์ในด้านสมุนไพร
4. ลำต้นขนาดเล็ด และกิ่งนำมาทำโครงดักจับปลา เช่น สวิง เพราะเนื้อไม้เหนียว สามารถโค้งงอได้
5. เปลือก และใบ ใช้ต้มย้อมผ้า ให้สีน้ำตาลแกมเหลือง และหากผสมเกลือจะให้สีน้ำตาลอมดำ และหากย้อมเสื่อด้วยเปลือกจะได้สีดำ
6. ลำต้น และกิ่งนำมาทำฟืน
7. ต้นมะขามป้อมตามป่าหรือตามหัวไร่ปลายนา จัดเป็นอาหารสำหรับสัตว์ป่า
8. ชาวฮินดูนิยมใช้ใบมะขามป้อมสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

สาระสำคัญที่พบ
-          Ascorbic acid (วิตามินซี)
-          Gallic acid
-          Ellagic acid
-          Corilagin
-          Benzenoids
-          Furanoloatones
-          Diterpenes
-          Triterpenes
-          Flavonoids
-          Sterols
-          Carbohydrates
-          Emblicanins A และ B
-          Phyllaemblicin B
-          Pyrogallol
-          Pedunculagin
-          Punigluconin
-          Hhesperidin
-          Haringin
-          Quercetin

สรรพคุณมะขามป้อม
ใบ และผล
-          ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง และรักษาโรคมะเร็ง
-          ลดการทำงานของผิวหนัง ต้านการเสื่อมของเซลล์
-          ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ตับจากสารพิษ และช่วยในการกำจัดสารพิษให้ออกทางปัสสาวะ
-          ช่วยป้องกันริ้วรอย และทำให้ผิวขาว
-          กระตุ้นการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
-          กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
-          ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ป้องกันการเป็นตะคริว ป้องกันโรคเหน็บชา
-          ช่วยทำให้ชุ่มคอ แก้การกระหายน้ำ
-          ลดเสมหะ ลดอาการระคายคอ
-          แก้อาการวิงเวียนศีรษะ เมารถ เมาเรือ
-          รักษาโรคเบาหวานหรือลดอาการแทรกซ้อนจากเบาหวาน
-          ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
-          ลดอาการแสบของแผลในช่องปาก ช่วยให้แผลหายเร็ว
-          ช่วยในการขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
-          ช่วยรักษาอาการท้องเสีย
-          ช่วยขับปัสสาวะ
-          ช่วยบรรเทาอาการไข้ แก้ไอ
-          ช่วยขยายหลอดลม รักษาอาการหอบหืด
-          รักษาแผลไฟไหม้ ด้วยการนำมาบดขยี้หรือตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย ก่อนนำมาประคบแผล
-          ช่วยลด และรักษาฝ้าหรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้ โดยนำผลหรือใบมาตำผสมน้ำพอชุ่ม ก่อนทาบริเวณจุดด่างดำหรือรอยฝ้าเป็นประจำ 1-2 ครั้ง/วัน
-          นำน้ำคั้นจากใบหรือผลมาหยอดตา ช่วยรักษาเยื่อตาอักเสบ และตาแดงได้

เมล็ด (นำมาต้มน้ำดื่ม)
-          รักษาอาการท้องเสีย
-          รักษาอาการท้องอืด และอาการจุกเสียดแน่นท้อง
-          ช่วยขับปัสสาวะ

เปลือกลำต้น และแก่น
-          นำมาต้มดื่ม แก้อาการอาหารเป็นพิษ
-          น้ำต้ม ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ด และช่วยขับปัสสาวะ
-          น้ำต้ม นำมาอาบ ช่วยป้องกัน และรักษาโรคผิวหนัง

แหล่งที่พบ : หลังอาคาร 3  โรงเรียนบ้านเขวาสะดืออีสาน
ผู้บันทึกข้อมูล : รัตติยา  ดวงแพงมาตร์



🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻🔺🔻


https://plantbio-rd-mookmik.blogspot.com/2018/02/blog-post_22.html .


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น